วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ฝนเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ก่อนเที่ยง ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ฟ้าครึ้มลมพัดมาเป็นระยะ ต้นไม้ใบหญ้าพริ้วไหวไปตามแรงลม จากอากาศอบอ้าวก็ค่อยๆเปลี่ยน เริ่มมีลมเย็นพัดมาปะทะตัว "เปาะแปะ เปาะแปะ" และแล้วฝนก็ค่อยๆเทลงมา เปลี่ยนบรรยากาศรอบข้างให้เย็นสบายขึ้นมาในทันที
ฝนตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนี้ต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างเข้ามาหลบฝนในชายคาบ้าน ผู้ใหญ่บางคนมานั่งจิบกาชามองสายฝน เด็กๆก็รวมตัวเล่นกันในร่ม แต่ส่วนหนึ่งก็ออกไปเล่นน้ำฝนมันเป็นความสุขสนุกสนานอย่างหนึ่งในวัยเด็กของผมครับ
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ฝนเริ่มซา ฟ้าเริ่มสว่าง รางน้ำฝนที่ไหลแรงจนเก็บน้ำไว้ได้เต็มทุกตุ่ม ก็ค่อยๆลดปริมาณลง เหลือเพียงหยดน้ำเล็กๆไหลลงตุ่มดัง "เปาะแปะ เปาะแปะ" ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ เสน่ห์ของฟ้าหลังฝนคือความหอมชื่นใจที่ธรรมชาติให้เรามาหละครับ เหมือนบทเพลงนี้ "ยามฝนหลั่งสั่งฟ้า หยาดบุพผาโรยริน กรุ่นป่าเขาไอดินหอมกลิ่นโชยมา" เพลงไอดินกลิ่นฟางครับ ท่อนนี้ บรรยากาศที่กำลังเป็นอยู่ไว้อย่างชัดเจนเลยครับ
อีกลิ่นหนึ่งที่โชยมาเตะจมูกก็คือกลิ่นของ ใบจากยาเส้น ที่ลุงข้างบ้านแกสูบอยู่ห่างๆ มันเป็นความคุ้นเคยอีกอย่างหนึ่งในวัยเด็กของผมครับ
หลังฝนตกปลาจะชอบเกือกขึ้นมาบนบก เพื่อหาแหล่งที่อยู่ใหม่ โดยเฉพาะปลาหมอจะพบเห็นบ่อยที่สุด สมัยก่อนถือกระป๋องมาใบหนึ่งก็ได้ปลากลับบ้านพอไปเป็นกับข้าวแล้วครับ สมัยนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและเลือนลางจางหายไปตามการเวลา ในอนาคตไอดินกลิ่นฟางที่เราได้สูดดมกันเต็มๆปอดในวัยเด็กของผมอาจจะเหลืออยู่แค่เพียงในความทรงจำเท่านั้นก็เป็นได้ครับ