"ฝ้าเพดาน" เป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่มีความจำเป็นเช่น กันฝุ่นละออง กันแมลง กันความร้อน ช่วยซ่อนความรกรุงรังของสายๆไฟอุปกรณ์ต่าง นอกจากประโยชน์ของการใช้สอยยังทำใหบ้านสวยถือเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้นะครับ เกริ่นนำกันมาเล็กน้อยในเรื่องของฝ้าเพดาน หากว่ามีบางท่านกำลังมองหา "ช่างฝ้า" อยู่ก็ติดต่อเข้ามาได้นะครับเดี๋ยวผมจะลงเบอร์ดทนติดต่อไว้ให้ คุยกับผมโดยตรงท่านจะได้สบายใจเผื่อจะปรึกษาเรื่องของแบบและราคาจะได้ให้ความกระจ่างได้เลย
ติดต่อช่างฝ้า
ช่างเชี่ยว
เบอร์โทร 089 1495823
หนองแขม,เพชรเกษม
ช่างเชี่ยว
เบอร์โทร 089 1495823
หนองแขม,เพชรเกษม
43 227 ซอย เพชรเกษม 110 แขวง หนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร 10160
ผม "ช่างเชี่ยว" จาก ห.จ.ก. เชี่ยวชาญบ้านสวย อยู่กับการรับเหมางานมาเกือบ 30 ปีแล้วครับ ตั้งแต่เรียนจบมาก็มาทำงานนี้เลย เริ่มต้นจากเป็นลูกจ้างในบริษัทของครอบครัวเราก่อนพอเก่งแล้วก็ออกมารับงานเอง ครอบครัวของผมคร่ำหวอดอยู่ในวงการงานก่อสร้างมายาวนาน สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ท่านลูกค้าวางใจได้เรื่องประสบการณ์และความชำนาญ
ผมรับงานเองทำเองไม่ผ่านคนกลางสบายใจได้เรื่องราคา ไม่มีคนมากินหัวคิวให้ท่านต้องเปรืองสตางค์โดยไม่จำเป็น ผมมีทีมงานลูกน้องลูกมือที่มีฝีมือและประกาณ์ไว้ช่วยทำงาน ท่านจะได้งานที่สวยงามแข็งแรงทนทาน งานออกมาได้ตรงตามจินตนาการที่ท่านฝันไว้อย่างแน่นอนครับ งานสวยงามทุกระดับ ประทับใจ รับประกันคุณภาพงาน สวยงาม, แข็งแรง, คงทน, ถาวร รับประกันผลงาน 1ปีเต็มครับ
ผมยินดีรับทั้งงานเล็กและใหญ่ไม่เกี่ยง งานใหญ่ๆระดับอาคารของ "ไทยรัฐทีวี" ก็ทำมาแล้ว หรือเล็กๆยิบย่อยเราก็ทำมานับไม่ถ้วนเหมือนกัน นอกจาก "ฝ้าเพดาน" งานก่อสร้าง อาคาร สถานที่ บ้านเรือน ไฟฟ้า ทาสี เราก็รับทำกันแบบครบวงจรเรื่องงานสร้างจบได้ในหนึ่งเดียว ผมเข้าใจดีว่าเรื่องงานก่อสร้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่าน แต่มันเป็นความค้นชินสำหรับเรา อย่ากังวลใจ โทรมาปรึกษากันก่อน ให้ผู้ชำนาญการได้ไขข้อข้องใจให้ท่านก่อนที่จะเริ่มวางแผนงานต่างนะครับ
ช่างฝ้า
อารามเอททัลก่อตั้งเมื่อขึ้นวันที่ 28 เมษายน ปี ค.ศ. 1330 ตรงกับวันนักบุญวีตาลิสแห่งมิลาน (Vitalis of Milan) โดย จักรพรรดิลุดวิกที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หรือลุดวิกชาวบาวาเรียน (Ludwig the Bavarian) ที่หุบเขากราสแวง (Graswang valley) ตามที่พระองค์ได้ให้คำปฏิญาณไว้หลังจากกลับมาจากประเทศอิตาลี ตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขายระหว่างประเทศอิตาลีและเมืองเอาก์สบูร์ก ประเทศเยอรมนี ตามตำนานกล่าวว่าม้าของจักรพรรดิลุดวิกผงกหัวสามครั้งตรงที่ที่ต่อมาเป็นที่สร้างอารามเดิม ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ตั้งรูปปั้นพระแม่มารีย์ ที่เรียกกันว่า “Frau Stifterin” หรือ “Ettal Madonna” (เอททัลมาดอนนา) เป็นศิลปะตระกูลปีซาโน (Pisano) ซึ่งเป็นของขวัญที่จักรพรรดิลุดวิกทรงมอบให้แก่อาราม รูปปั้นนี้กลายมาเป็นเรลิกที่ผู้แสวงบุญนิยมกันมาสักการะ อารามนี้อุทิศให้แก่แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
เพชรเกษม
คราวนี้มาเข้าเรื่องของสถาปัตยกรรมสวยๆกันบ้างนะครับ เอามาฝากทิ้งท้ายเผื่อจะเป็นไอเดียในการคิดสร้างสรรค์ให้ท่านได้ เป็นเรื่องของ อารามเอททัล เยอรมัน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านชื่อเดียวกันใกล้กับเมืองโอเบอร์อัมแมร์เกาและเมืองการ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชินในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี
สถาปัตยกรรมเดิมเป็นแบบศิลปะกอทิก สร้างระหว่างปี ค.ศ. 1330 ถึงปี ค.ศ. 1370 เป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับอารามระดับเดียวกันในสมัยกลางในแคว้นบาวาเรีย
อารามได้รับความเสียหายมากจากกองทัพของมอริสแห่งแซกโซนี (Maurice of Saxony) ระหว่างการปฏิรูปศาสนา แต่รอดจากการถูกทำลายระหว่างสงครามสามสิบปี (Thirty Years' War) ระหว่างปี ค.ศ. 1618 ปี ค.ศ. 1648
เมื่อปี ค.ศ. 1709 ภายใต้อธิการปลาซีดุสที 2 (Abbot Placidus II Seiz) ถือกันว่าเป็นยุคทองของอารามนี้ท่านก็ได้ก่อตั้ง “Knights' Academy” (“Ritterakademie”) ซึ่งกลายมาเป็นสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงและเป็นการเริ่มเป็นแนวทางการศึกษาของอารามแห่งนี้ แต่เมื่อปี ค.ศ. 1744 อารามก็ถูกไฟไหม้จนเกือบไม่เหลือ อารามที่สร้างแทนเป็นอารามที่สร้างอย่างโอฬารแบบศิลปะบารอก มีโดมสองชั้นตามแบบของเอนริโก ซุกกัลลี (Enrico Zuccalli) สถาปนิก ชาวสวิส-อิตาลี ที่ทำงานอยู่ที่มิวนิก ผู้เป็นลูกศิษย์ของจัน โลเรนโซ แบร์นีนี การตกแต่งภายในทำโดย โจเซฟ ชมุทเซอร์ (Josef Schmutzer) ช่างปั้นปูนในสกุลศิลปะเวสโซบรุนเนอร์ (Wessobrunn School) และโยฮันน์ แบพทิสต์ ชเตราบ์ (Johann Baptist Straub) ผู้เป็นผู้ตกแต่งแท่นบูชาและบริเวณที่ทำพิธีรอบแท่นบูชา
ความใหญ่โตหรูหราของอารามทำให้อารามเพิ่มความสำคัญขึ้นและกลายมาเป็นอารามที่สำคัญที่สุดในบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์
การปฏิรูปสถาบันคริสต์ศาสนา
รูปปั้นแบบโรโกโก
อารามถูกยุบเลิกเมื่อปี ค.ศ. 1803 ระหว่างการ “การปฏิรูปสถาบันคริสต์ศาสนา” (Secularization) หลังจากนั้นอารามถูกขายให้กับโยเซฟ ฟอน เอลบิง (Josef von Elbing) เมื่อปี ค.ศ. 1809 ต่อมาลูกหลานของเขา ก็ขายให้กับเคาต์พัพเพนไฮม์ (Count Pappenheim) ระหว่างศตวรรษที่ 19 มีการบูรณะสิ่งก่อสร้างย่อย ๆ ของอารามโดยเฉพาะด้านหน้าของอารามและหอระฆัง
ฟื้นอาราม
อารามตกไปเป็นของบารอนเทโอดอร์ ฟอน คราเมอร์-เคลทท์ (Baron Theodor von Cramer-Klett) ผู้ยกอารามนี้คืนนักพรตคณะเบเนดิกตินที่ไชเยิร์น (Scheyern) เมื่อปี ค.ศ. 1900 ซึ่งได้สถาปนาอารามเอททัลกลับเป็นอารามเบเนดิกตินตามเดิม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นอารามในตำแหน่ง Basilica minor (มหาวิหารน้อย) เมื่อปี ค.ศ. 1920
ตามประเพณี ของ “Ritterakademie” เดิม อารามก็สร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำ (Gymnasium) เชี่ยวชาญทาง มนุษยศาสตร์ และภาษาสมัยใหม่ (modern languages) นอกจากนั้นทางวัดก็ยังมีโรงงานกลั่นเหล้าและทำเบียร์ ร้านขายหนังสือ โรงพิมพ์ โรงแรม โรงงานทำเนยแข็ง และมีโครงร่วมกับธุรกิจอื่นๆด้วย
เมื่อปี ค.ศ. 1993 อารามเอททัลตั้งอดีตอารามเวชเซลบูร์ก (Wechselburg Abbey) ซึ่งเคยเป็นอารามคณะออกัสติเนียน ขึ้นมาเป็นอารามคณะเบเนดิกติน
เมื่อปี ค.ศ. 2005 อารามนี้มีนักพรตด้วยกัน 50 องค์ และอีก 5 องค์อยู่ทีเวชเซลบูร์ก อารามเอททัลเป็นอารามเบเนดิกตินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของนิกายนี้และเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละมาก ๆ
สถาปัตยกรรมในแถบยุโรปมีความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในประเทศอิตตาลีจะมีสิ่งที่สวยงามน่าดูน่าชมอยู่อย่างมากมายไว้ผมจะค่อยๆทะยอยเอามาฝากกันเรื่อยๆ ส่วนของไทยเราเรื่องงานสถาปัตยกรรมก็มีความงดงามอ่อนช้อยไม่แพ้ทางแถบยุโรป ปัจจุบันคนหันมาให้ความสนใจแบบไทยๆ งานหลายๆตัวที่ผมไปทำให้ออกแนวไทยประยุกต์ดูแล้วเก๋ไปออีกแบบครับ คงทิ้งท้ายกันไว้แค่นี้ก่อนแล้วมาพบกันใหม่ในโพสหน้านะครับ